การศึกษาพระสมเด็จ มีผู้รู้กล่าวไว้ดังนี้
อ้างอิงจากเว็ป...http://www.jeenlear.com/category.php?cgid=4&cid=89
1. ก่อนอื่นต้องศึกษาเรียนรู้โบราณคดีของพระก่อน ศึกษาประวัติ์การทำพระของสมเด็จโตให้เข้าใจก่อน
2. หัดดูความเก่าของพระให้ออกก่อน พระสมเด็จอายุไม่ต่ำกว่า 130 ปี ของเก่าอายุเป็นร้อยปี ผิวพรรณจะต้องคร่ำตามธรรมชาติ มีรอยยุบย่นหดตัว ดูผิวพระดูคราบตังอิ๊ว คราบรัก รงค์ ชาด เทือก และคราบกรุที่ผิวพระต้องเก่า ผิวพรรณพระจะเหมือนผิวคนแก่ 80-90 ปี
3. หัดดูมวลสารที่สำคัญที่พระสมเด็จ ต้องมี ผงกฤติยาคมหรือผงสมเด็จ จะเป็นเม็ดเล็กๆขาวขุ่น แข็งแกร่ง สัณฐานกลม ( ดูในเรื่องการทำผงกฤติยาคมหรือผงสมเด็จ) ถ้าพระองค์ใดมีก็ให้ถือว่าใช่ไว้ก่อน เม็ดผงสมเด็จที่แท้จะเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ สีขาวขุ่น ดูแข็งแกร่ง และจะดูเก่ากว่าผงพื้นองค์พระนั้น ผงสมเด็จจะดูเก่าพอๆกับเนื้อพระสมเด็จหักที่เขานำมาตำบดไส่เป็นมวลสารที่ ชิ้นโตสีขาวขุ่นแบบสีฟันของคน ถ้าผงกับเศษพระดูเก่าพอๆกันก็ให้คิดว่าใช่ไว้ก่อน ผงเก๊หรือผงปลอมจะขาวซีดๆ จืด สันฐานไม่กลม และดูจะไม่เก่ากว่าเนื้อพระจะถือว่าของปลอม
4. ดูมวลสารที่เอามาผสมในพระสมเด็จ คือ พระสมเด็จที่หักชำรุดท่านเอามาบดเป็นผงใส่ไว้ เนื้อเป็นสีขาวขุ่นแกร่งออกมันเวลาส่องกล้อง ดูชิ้นเนื้อพระซุ้มกอที่ท่านใส่ไว้เป็นเนื้อดินสีน้ำตาลเก่ากว่าเนื้อชิ้น พระสมเด็จ หากดูเก่ากว่าพระสมเด็จจึงจะใช่ ถ้าก้อนอิฐในพระดูไม่เก่าไม่ใช่เนื้อพระซุ้มกอ สีจืดกว่าแสดงว่าไม่ใช่ ดูมวลสารที่เป็นพระธาตุจะเป็นก้อนกลมๆมีขุยที่ผิว ก้อนดูใสมีสีขาวอมเหลือง สีนำตาล สีเทา เหมือนเม็ดพลาสติก ผิดจากนี้ไม่ใช่พระธาตุพิจารณาดูมวลสารอื่นๆ ที่สำคัญ พวกแร่สะเก็ดดาวตกเม็ดสีเหมือนครั่งหรือยางสน ดูเม็ดอัญมณีหินพลอยสีต่างเป็นเม็ดสีคล้ายแร่สะเก็ดดาวตก และดูมวลสารอื่นๆที่อาจมีเช่น หมุดเงิน -ทอง ทรายเงิน - ทอง หยกตุ๊กตากวนอูและอื่นๆ ตามลักษณะมวลสารที่กล่าวไว้ข้างต้น ถ้ามีให้คิดว่าใช่ไว้ก่อนจะได้ไม่เสียโอกาศ
5. พิจารณาเนื้อพระว่าเป็นเนื้อพื้นอะไรในพระ 12 เนื้อพื้น และเป็นพระยุคไหน ตอนไหน ฝีมือใครแกะพิมพ์ ให้พิจารณาองค์ที่เป็นหินเปลือกหอยดิบหรือเปลือกหอยสุกไว้ก่อน เนื้ออื่นๆเอาไว้ทีหลัง ควรหาโอกาศดูเนื้อพระแท้จากคนที่เขามีเอาไว้เป็นองค์ครู เพราะเนื้อสมเด็จหินเปลือกหอยไม่ว่ารุ่นไหน ยุคไหน วัดไหน พิมพ์อาจจะต่างกันแต่เนื้อพระจะเหมือนๆกันเกือบทุกองค์ ถ้ามีของแท้ดูเป็นครูก็จะดูเนื้อพระแท้ได้ไม่ยาก พระเนื้อหินเปลือกหอยให้ดูเนื้อหินลับมีดโบราณไว้เป็นแบบอย่างได้ เนื้อสมเด็จจะคล้ายๆแบบนั้นต่างกันตรงที่เนื้อพระสมเด็จจะดูมีมันในตัว ดูแข็งแกร่งแล้วดูนุ่มนวลตาที่เรียกว่าหนึกนุ่มนั่นเอง ถ้าลองเอาพระมาวางบนแผ่นกระเบื้องหรือแผ่นกระจกจะมีเสียงดังกริ้งแบบเสียง หินกังสะดาร ก็ให้คิดว่าใช่ไว้ก่อน เนื้อพระจะมีทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด เนื้อละเอียดจะแกร่งกว่าถ้าพิจารณาได้อย่างนี้ก็มีโอกาศได้พระสมเด็จแท้
6. พิจารณาดูพิมพ์ทรง พระสมเด็จมีทั้งหมด 249 พิมพ์ทรง เราคงจะรู้ไม่หมดแน่ๆ และคงไม่มีใครจะรู้ได้มากอย่างนี้ ให้เราพิจารณาเฉพาะพิมพ์ทรงที่นิยมและเป็นสากลจะดี แต่อย่าทิ้งพิมพ์นอกนิยม ซึ่งปัจจุบันพิมพ์นิยมมี 17 พิมพ์ เนื้อนิยมแค่ 2 เนื้อ เป็นวัดระฆัง 5 พิมพ์ วัดบางขุนพรหม 9 พิมพ์ และวัดเกศไชโย 3 พิมพ์ ดังที่กล่าวมาแล้วหัดจำพิมพ์ทรงนิยมให้ได้จะได้เงินมหาศาล
เนื้อได้ - พิมพ์ได้ - อายุได้ก็น่าจะเพียงพอแล้วในนักเล่นพระหัดใหม่
ดูความเก่า - ดูเนื้อ - ดูมวลสาร - ดูความเก่า มันกลับกัน พระถ้าถูกพิมพ์เนื้อดีมวลสารดีและเก่าจะตามมา
ความเก่าของผิวพระต้องดูให้ดี พระที่ใช้สมบุกสมบัน เนื้อพระจะช้ำดูเก่ามากเหมือนคนชนบทดูแก่ ส่วนพระเก็บอย่างดีไม่ได้เอาออกมาใช้เนื้อจะเอี่ยมดูไม่เก่า เหมือนคนในเมืองผู้ดีดูไม่แก่
พระสมเด็จถ้าเก็บไม่ถูกมือ ไม่ถูกแดด ไม่ถูกลม ผิวพระจะออกมาขาวอมเหลือง เนื้อจะหนึกแกร่งดูไม่หนึกนุ่มเหมือนของใหม่ของปลอม แต่ให้รู้ไว้เถอะนั่นแหละของสวย
พระสมเด็จที่เอามาใช้ถูกมือจับห้อย ถูกเหงื่อ หรือบางคนเอามาทาที่แก้มจะทำให้พระดูเก่าหนึกนุ่มกว่าพระเก็บไม่ได้ใช้ สีจะคล้ำออกสีน้ำตาลแก่เซียนบางคนว่าเนื้อจัด
สูตรผสมเนื้อพระสมเด็จของสมเด็จโต และอาคมอันแก่กล้า เขาว่าจะทำให้พระแกร่งหนึกไม่เหมือนพระอื่นๆ
พระสมเด็จรูปเหมือนสมเด็จโต ฝัง
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2411
พระกริ่งปวเรศ ฝังหลังพระสมเด็จโต หน้าเหมือนพิมพ์ข้างเม็ด เนื้อผงพิมพ์พิเศษ
2411-101
พระสมเด็จถ้าเก็บไม่ถูกมือ ไม่ถูกแดด ไม่ถูกลม ผิวพระจะออกมาขาวอมเหลือง เนื้อจะหนึกแกร่งดูไม่หนึกนุ่มเหมือนของใหม่ของปลอม แต่ให้รู้ไว้เถอะนั่นแหละของสวย
ด้านหลัง บนพระกริ่งปวเรศ จารึก "โต"
2411-102
2411-103 พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2411 เนื้อนาค
อ้างอิงจากเว็ป...http://www.jeenlear.com/category.php?cgid=4&cid=89
1. ก่อนอื่นต้องศึกษาเรียนรู้โบราณคดีของพระก่อน ศึกษาประวัติ์การทำพระของสมเด็จโตให้เข้าใจก่อน
2. หัดดูความเก่าของพระให้ออกก่อน พระสมเด็จอายุไม่ต่ำกว่า 130 ปี ของเก่าอายุเป็นร้อยปี ผิวพรรณจะต้องคร่ำตามธรรมชาติ มีรอยยุบย่นหดตัว ดูผิวพระดูคราบตังอิ๊ว คราบรัก รงค์ ชาด เทือก และคราบกรุที่ผิวพระต้องเก่า ผิวพรรณพระจะเหมือนผิวคนแก่ 80-90 ปี
3. หัดดูมวลสารที่สำคัญที่พระสมเด็จ ต้องมี ผงกฤติยาคมหรือผงสมเด็จ จะเป็นเม็ดเล็กๆขาวขุ่น แข็งแกร่ง สัณฐานกลม ( ดูในเรื่องการทำผงกฤติยาคมหรือผงสมเด็จ) ถ้าพระองค์ใดมีก็ให้ถือว่าใช่ไว้ก่อน เม็ดผงสมเด็จที่แท้จะเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ สีขาวขุ่น ดูแข็งแกร่ง และจะดูเก่ากว่าผงพื้นองค์พระนั้น ผงสมเด็จจะดูเก่าพอๆกับเนื้อพระสมเด็จหักที่เขานำมาตำบดไส่เป็นมวลสารที่ ชิ้นโตสีขาวขุ่นแบบสีฟันของคน ถ้าผงกับเศษพระดูเก่าพอๆกันก็ให้คิดว่าใช่ไว้ก่อน ผงเก๊หรือผงปลอมจะขาวซีดๆ จืด สันฐานไม่กลม และดูจะไม่เก่ากว่าเนื้อพระจะถือว่าของปลอม
4. ดูมวลสารที่เอามาผสมในพระสมเด็จ คือ พระสมเด็จที่หักชำรุดท่านเอามาบดเป็นผงใส่ไว้ เนื้อเป็นสีขาวขุ่นแกร่งออกมันเวลาส่องกล้อง ดูชิ้นเนื้อพระซุ้มกอที่ท่านใส่ไว้เป็นเนื้อดินสีน้ำตาลเก่ากว่าเนื้อชิ้น พระสมเด็จ หากดูเก่ากว่าพระสมเด็จจึงจะใช่ ถ้าก้อนอิฐในพระดูไม่เก่าไม่ใช่เนื้อพระซุ้มกอ สีจืดกว่าแสดงว่าไม่ใช่ ดูมวลสารที่เป็นพระธาตุจะเป็นก้อนกลมๆมีขุยที่ผิว ก้อนดูใสมีสีขาวอมเหลือง สีนำตาล สีเทา เหมือนเม็ดพลาสติก ผิดจากนี้ไม่ใช่พระธาตุพิจารณาดูมวลสารอื่นๆ ที่สำคัญ พวกแร่สะเก็ดดาวตกเม็ดสีเหมือนครั่งหรือยางสน ดูเม็ดอัญมณีหินพลอยสีต่างเป็นเม็ดสีคล้ายแร่สะเก็ดดาวตก และดูมวลสารอื่นๆที่อาจมีเช่น หมุดเงิน -ทอง ทรายเงิน - ทอง หยกตุ๊กตากวนอูและอื่นๆ ตามลักษณะมวลสารที่กล่าวไว้ข้างต้น ถ้ามีให้คิดว่าใช่ไว้ก่อนจะได้ไม่เสียโอกาศ
5. พิจารณาเนื้อพระว่าเป็นเนื้อพื้นอะไรในพระ 12 เนื้อพื้น และเป็นพระยุคไหน ตอนไหน ฝีมือใครแกะพิมพ์ ให้พิจารณาองค์ที่เป็นหินเปลือกหอยดิบหรือเปลือกหอยสุกไว้ก่อน เนื้ออื่นๆเอาไว้ทีหลัง ควรหาโอกาศดูเนื้อพระแท้จากคนที่เขามีเอาไว้เป็นองค์ครู เพราะเนื้อสมเด็จหินเปลือกหอยไม่ว่ารุ่นไหน ยุคไหน วัดไหน พิมพ์อาจจะต่างกันแต่เนื้อพระจะเหมือนๆกันเกือบทุกองค์ ถ้ามีของแท้ดูเป็นครูก็จะดูเนื้อพระแท้ได้ไม่ยาก พระเนื้อหินเปลือกหอยให้ดูเนื้อหินลับมีดโบราณไว้เป็นแบบอย่างได้ เนื้อสมเด็จจะคล้ายๆแบบนั้นต่างกันตรงที่เนื้อพระสมเด็จจะดูมีมันในตัว ดูแข็งแกร่งแล้วดูนุ่มนวลตาที่เรียกว่าหนึกนุ่มนั่นเอง ถ้าลองเอาพระมาวางบนแผ่นกระเบื้องหรือแผ่นกระจกจะมีเสียงดังกริ้งแบบเสียง หินกังสะดาร ก็ให้คิดว่าใช่ไว้ก่อน เนื้อพระจะมีทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด เนื้อละเอียดจะแกร่งกว่าถ้าพิจารณาได้อย่างนี้ก็มีโอกาศได้พระสมเด็จแท้
6. พิจารณาดูพิมพ์ทรง พระสมเด็จมีทั้งหมด 249 พิมพ์ทรง เราคงจะรู้ไม่หมดแน่ๆ และคงไม่มีใครจะรู้ได้มากอย่างนี้ ให้เราพิจารณาเฉพาะพิมพ์ทรงที่นิยมและเป็นสากลจะดี แต่อย่าทิ้งพิมพ์นอกนิยม ซึ่งปัจจุบันพิมพ์นิยมมี 17 พิมพ์ เนื้อนิยมแค่ 2 เนื้อ เป็นวัดระฆัง 5 พิมพ์ วัดบางขุนพรหม 9 พิมพ์ และวัดเกศไชโย 3 พิมพ์ ดังที่กล่าวมาแล้วหัดจำพิมพ์ทรงนิยมให้ได้จะได้เงินมหาศาล
เนื้อได้ - พิมพ์ได้ - อายุได้ก็น่าจะเพียงพอแล้วในนักเล่นพระหัดใหม่
ดูความเก่า - ดูเนื้อ - ดูมวลสาร - ดูความเก่า มันกลับกัน พระถ้าถูกพิมพ์เนื้อดีมวลสารดีและเก่าจะตามมา
ความเก่าของผิวพระต้องดูให้ดี พระที่ใช้สมบุกสมบัน เนื้อพระจะช้ำดูเก่ามากเหมือนคนชนบทดูแก่ ส่วนพระเก็บอย่างดีไม่ได้เอาออกมาใช้เนื้อจะเอี่ยมดูไม่เก่า เหมือนคนในเมืองผู้ดีดูไม่แก่
พระสมเด็จถ้าเก็บไม่ถูกมือ ไม่ถูกแดด ไม่ถูกลม ผิวพระจะออกมาขาวอมเหลือง เนื้อจะหนึกแกร่งดูไม่หนึกนุ่มเหมือนของใหม่ของปลอม แต่ให้รู้ไว้เถอะนั่นแหละของสวย
พระสมเด็จที่เอามาใช้ถูกมือจับห้อย ถูกเหงื่อ หรือบางคนเอามาทาที่แก้มจะทำให้พระดูเก่าหนึกนุ่มกว่าพระเก็บไม่ได้ใช้ สีจะคล้ำออกสีน้ำตาลแก่เซียนบางคนว่าเนื้อจัด
สูตรผสมเนื้อพระสมเด็จของสมเด็จโต และอาคมอันแก่กล้า เขาว่าจะทำให้พระแกร่งหนึกไม่เหมือนพระอื่นๆ
พระสมเด็จรูปเหมือนสมเด็จโต ฝัง
พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2411
พระกริ่งปวเรศ ฝังหลังพระสมเด็จโต หน้าเหมือนพิมพ์ข้างเม็ด เนื้อผงพิมพ์พิเศษ
2411-101
พระสมเด็จถ้าเก็บไม่ถูกมือ ไม่ถูกแดด ไม่ถูกลม ผิวพระจะออกมาขาวอมเหลือง เนื้อจะหนึกแกร่งดูไม่หนึกนุ่มเหมือนของใหม่ของปลอม แต่ให้รู้ไว้เถอะนั่นแหละของสวย
ด้านหลัง บนพระกริ่งปวเรศ จารึก "โต"
2411-102
2411-103 พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข พ.ศ.2411 เนื้อนาค